USA – Land of opportunities โอกาสมีมากมายในอเมริกา
หลาย ๆ คนที่อยุ่อเมริกา ซึ่งเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยโอกาส สำหรับคนที่ชอบแสวงหา. ไม่เฉพาะเจาะจง สำหรับโอกาสในการทำธุรกิจ, โอกาสการทำงาน อาชีพต่าง ๆ , โอกาสด้านการศึกษา, และ สารพัดโอกาส ที่มีอยู่ทั่วไป.
คนที่อยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากกิน อยากเที่ยว อยากมีความสุข อยากสารพัดที่สนองความต้องการ. เมื่อเราอยากได้อะไร เราต้องเสาะแสวงหา ใช่ปะคะ. น้อยมากที่จู่ๆ โอกาสที่เราต้องการนั้นจะลอยมาเหมือนสายลมให้เราได้เลือกได้มีโอกาสนั้นๆ .
โอกาสด้านธุรกิจ (business opportunities)
เป็นเจ้าของกิจการร้านอาหาร (Restaurant owner)
อันนี้นิยมมากสำหรับคนไทย เพราะ ไม่มีใครทำอาหารไทยอร่อยเท่ากับคนไทย. เจ้าของร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จมากมาย ต่างผ่านการถูกหลอก ถูกต้ม การทำงานในร้าน การถูกเอาเปรียบ สารพัด แต่ก็ต้องทน เพื่อประสบการ และ มองหาโอกาสเป็นเจ้าของ.
หลาย ๆ คนมีเงินแต่ก็ล้มเหลว เพราะขาดประสบการณ์ ขาดกำลังพล. เอ แล้วจะมองหาโอกาสได้เช่นไร การที่จะมีโอกาสเป็นเจ้าของร้านอาหาร คือต้องศึกษา กฏหมาย ศึกษาแรงงาน ศึกษาการบริหาร ที่สำคัญ ต้องเป็นคนชอบขวานขวาย.
เจ้าของธุรกิจร้านนวด (Massage shop owner)
จากที่เห็น ร้านนวด เปิดกันเยอะไม่ใช่แค่คนไทย นิยมมากในหมู่ชาวเอเชียด้วยกัน. ส่วนใหญ่กลุ่มนี้เจ้าของจะมีทักษะ มีลายเซ่น และมองหาโอกาสในการทำธุรกิจ. บางกลุ่ม เปิดได้สัก ปี แล้วก็ขายต่อให้นักลงทุน ทำกำไร พอสมควร นี่ก็เป็นธุรกิจที่น่าสนใจนะคะ.
บางคนรับนวดตามบ้าน เป็นคนนวดอิสระ ที่มีลายเซ่น ถูกต้องจากรัฐที่ทำอยู่ ไม่ต้องเปิดเป็นร้านก็ได้ แบบนี้ก็สามารถทำมาหาเลี้ยงชีพได้คะ.
ธุรกิจอื่น ๆ (other business owners).
เท่าที่ทราบ คนไทยเป็นเจ้าของธุรกิจหลากหลายประเภท ค้าขายออนไลน์ มีโรงงาน เป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน สารพัดที่นิยมคือขายของคะ.
ทำเงินได้ดีพอสมควรถ้าจับกลุ่มลูกค้าถูกกลุ่ม และทำไม่เหมือนกัน. บางคนจากเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก ขายของออนไลน์ ขยายเปิด สารพัดธุรกิจ รวยกว่าคนเป็นนักบัญชี ด้วยนะค้า.
โอกาสด้านการศึกษา (education opportunities)
เรียนภาษาอังกฤษ (English language)
ทุกเมืองมีที่ให้เรียนภาษาอังกฤษแบบถูกมาก ถึงมากที่สุด หรือ ฟรีไปเลย บางเมืองไม่ต้องถามว่ามาด้วยวีซ่าอะไร ประเภทไหน แค่มี ไอดี หรือ บัตรอะไรก็ได้แสดงความเป็นตัวตนของเรา บัตรห้องสมุดยังได้เลยค้า. ไม่ต้องมาขอดูกรีนการ์ดใด ๆ เลย มีสอนให้ตั้งแต่ ABC จนถึงเรียนไปได้ วุฒิมัธยมปลายเลยนะคะ.
เรียนวิชาชีพ (professional courses).
มีคอร์สต่าง ๆ มากมายที่เรียน 6 เดือน ถึง 2 ปี ได้ใบประกาศ สอบลายเซ่นจากรัฐที่เราอยู่ มีงานรองรับ. มีคอร์สสอนจากโรงเรียนวิทยาลัยต่าง ๆ ตั้งแต่ราคาถูก ถึงแพง เยอะแยะ สำหรับคนที่อยากทำงานประจำ เช่น ผู้ช่วยหมอฟัน ผู้ช่วยพยาบาล และอื่นๆ มากมาย.
เคยได้ฟังจากเจ้าของกิจการ้านอาหาร บอกว่าจะเลิกทำร้านอาหารละ เหนื่อยมาก หาคนทำงานไม่ได้ จะไปเรียนพวก สาขาทางการแพทย์สั้น ๆ แล้วจะหางานทำประจำ มี ประกันสุขภาพ ไม่ต้องเหนื่อย มีวันหยุด พักผ่อน ใช้เวลากับครอบครัวได้สบาย ๆ .
เรียนมหาวิทยาลัย หรือ วิทยาลัย (University or College education)
คนที่เป็นนักเรียนไทยมาเรียนต่อที่นี่จะทราบดีกว่า ค่าเทอมในฐานะที่เป็นต่างชาตินั้นแพงแค่ไหน. สำหรับคนที่อยู่อาศัยที่อเมริกา มีกรีนการ์ด เป็นซิติเซ่น แล้วค่าเทอมนั้นถูกกว่า 2-3 เท่า เทียบกับคนต่างชาติ.
คุณภาพการศึกษาก็ยอดเยี่ยม ส่วนใหญ่จะเท่าเทียมกัน แม้ว่าจะมีการจัดลำดับมหาวิทยาลัยดัง ๆ. มหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน ต่างมีชื่อเสียง มีศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จล้นเหลือ ไม่จำเป็นต้องเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนดังๆ หรือ ของรัฐที่ดังๆ .
บางคนเรียนมหาวิทยาลัยได้แค่ 1-2 ปี ก็ได้แนวทางในการทำธุรกิจ เช่นกลุ่ม ด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ร่ำรวยกันทั่วหน้า.
ส่วนตัวเองก็โชคดีมากใช้สิทธิของการเป็นเมียฝรั่ง อยู่อาศัยที่นี่กลับไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย จนได้ปริญญาโทด้านการบัญชี เพื่อทำมาหาเลี้ยงครอบครัวได้แบบ คล่องตัว(แม้ว่าจะผ่านอุปสรรคมามากมาย).
การเรียนมหาวิทยาลัยไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เก่งที่สุด หัวดี สมองสดใส เหมาะกับคนที่มีความพยายาม มานะ และอดทนเท่านั้น เพราะการเรียนเต็มเวลา หรือทำงานไปด้วย มันช่างแสนสาหัสจริง ๆ .
**สำหรับกลุ่มที่เพิ่งมา และมีพื้นฐานการศึกษาไม่มาก หรือมีการศึกษามามากแต่ทำมาหารับประทานอะไรไม่ได้ที่อเมริกา ให้เริ่มจากการเรียนคอร์สสั้น ๆ ก่อน ดูสถานการณ์ว่าเราไหวหรือเปล่า และ เราขอบอะไร. ฝึกภาษาให้คล่องแคล่วไปก่อนคะ. บางสาขาสามารถต่อยอดได้เลย เช่นบัญชี ไอที พยาบาล ก็จัดการหางานเลยคะ**
โอกาสด้านการงาน (work/job opportunities)
คำกล่าวที่ว่า “งานคือเงิน เงินคืองาน บรรดาลสุข” นั้นช่างเป็นข้อเท็จจริง. ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย. แม้ว่าจะทำงาน รายชั่วโมง รายวัน หรือ รายเดือน มากน้อย ก็ทำให้สภาวะเศรษฐกิจของครอบครัวเราดีขึ้นได้.
อเมริกา เป็นประเทศที่ส่วนใหญ่ทุกรัฐ เรียกว่า “at will employment or employment at will” ใครจะลาออก ถูกไล่ออกวันไหนก็ได้ ไม่ต้องมีเหตุผล แถมไม่ต้องมีค่าชดเชยด้วย. ที่สำคัญเขาไม่สนว่าเราทำงานมานานแค่ไหนด้วย.
ณ ปัจจุบัน เศรษฐกิจ และภาวะการจ้างงานค่อนข้างดี โอกาสการเปลี่ยนงานจะได้สูงมากโดยเฉพาะกลุ่มที่มีประสบการณ์ในการทำงานในสาขาต่าง ๆ . ถามอากู๋คะอยากทำงานอะไร โดยใช้ตำแหน่งที่เราต้องการมันตัวค้นหา เช่น “Finance analyst, IT clerk, Nurse, Dental assistant” พร้อมใส่รหัสไปรษณีย์ รับรองผลออกมาตรึมคะ.
อยากได้งานตำแหน่งไหนมาก ๆ ให้ดูคุณสมบัติที่เขาเขียนไว้คะ แล้วมาปรับแก้ เรซูเม่ของเราให้สอดคล้องนะคะ. บางครั้งก็ได้ผล บางครั้งก็ล้มเหลว คนที่เขาอยากจะจ้างเรา ถ้าถูกชะตากัน ยังไงเราก็ได้งานนั้น ๆ แน่นอนคะ.
1.) เบื่อเจ้านาย เบื่อเพื่อนร่วมงาน เบื่องาน อยากลาออก
การที่เราเบื่อเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน และงาน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ อย่างสม่ำเสมอ แก่เราหมู่ชาวมนุษย์เงินเดือนทุกคน. ไม่ควรจะบ่นให้เจ้านายได้ยินถึงหู บ่นกับเพื่อนร่วมงาน เพราะไม่ช้าก็เร็ว รับประกันว่า เจ้านายและเพื่อนร่วมงานจะทราบ.
ผลที่ตามมาคือ ทำให้การงานสั่นครอน. ถ้าเราไม่ลาออกเอง นายก็จะหาวิธีบีบคั้น โดยการไม่ให้งาน การเอาเปรียบ.
ถ้าเจ้านายดี ๆ หรือเพื่อนร่วมงานดีแล้วคุณเบื่อ แสดงว่าคุณต้องปรับปรุงตัวคุณอย่างแรง ไม่เช่นนั้น คุณจะไม่สามารถทำงานร่วมงานกับใครที่ไหนได้ นอกจากเป็นนายตัวเอง (ระวังลูกน้องเบื่อด้วย).
2.) เงินเดือนน้อยไม่พอรับประทาน
เงินเดือนน้อยไม่พอรับประทาน มีมาจากหลายสาเหตุ อาจจะเพราะใช้เงินมากกว่าที่มีรายได้เข้ามา มีหนี้สินที่ติดมาก่อน เช่นพวกบัตรเครดิต หรือ เพราะโอกาสไม่ดีได้เงินเดือนน้อยแต่ต้องทำ. ให้พยายามอดทนไปสักระยะ จนกว่าเราจะพอมีประสบการณ์สัก 1-3 ปี แล้วมองหางานใหม่.
บางครั้ง หรือ หลาย ๆครั้ง เงินไม่ใช่การตัดสินใจของการเปลี่ยนงานใหม่ ให้เราตรวจสอบ เชคประวัติของกิจการที่เราจะไปสัมภาษณ์ด้วยว่า เขาดูแลพนักงานดีไม๊ สวัสดิการดีไม๊ บางทีเงินเดือนน้อย แต่มีการจ่ายค่าประกันสุขภาพให้ มีรีไทมเม้น แถม มี วันลาพักร้อน ป่วย นี่คือ มูลค่า อย่างน้อย เงินเดือน 1 เดือน เลยนะคะ.
3.) อยากหาประสบการณ์ใหม่ ๆ
นี่คือเหตุผลที่สวยงามในการหางานใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มหัวก้าวหน้า อยากเจอสิ่งใหม่ ๆ งานใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่ เป็นแหล่งรวมของเหตุผลของการหางานใหม่.
บางครั้งงานใหม่ อาจจะเงินเดือนน้อยกว่าเดิม แต่เชื่อหรือไม่ งานใหม่ ที่เราถนัดและใจรัก ทดแทนเงินที่ขาดหายไปได้หมด. มันทำให้เรามีความสุขกับการทำงานและใช้ทักษะที่มีให้คุ้มค่ากับการที่เราเรียนมา
บางคน เปลี่ยนงานใหม่ ที่ไม่เกี่ยวกับประสบการณ์ที่เคยทำงานมาก่อนเลย เพราะความสะใจ เพราะความเบื่อหน่ายสิ่งที่เราทำมา.
หลาย ๆ ครั้งงานใหม่ที่ทำใหม่ ๆ ทำให้เรามีความสุขกับการทำงานมากขึ้น มีเวลากับครอบครัวมากขึ้น ไม่เครียด ใช้ชีวิตสุขสบายได้เช่นกัน
☺หนีเสือปะจระเข้ แบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกวัน เพราะ การคาดหวังที่สูงส่งเกินไป ว่าที่ทำงานใหม่จะดีกว่าเดิม. ควรจะลดการคาดหวังไปเลยยิ่งดี เพราะ งานใหม่เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถ พึงคาดการณ์ได้ล่วงหน้า. มันอาจจะแย่กว่าเดิม ใครจะไปรู้ ฉะนั้น จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องศึกษากิจการที่เราจะไปทำงานด้วยก่อนเปลี่ยนงาน
♥♥ ช่วงมองหางานใหม่ เวลาไปสัมภาษณ์งาน ก็ หาเหตุผลที่ดี แบบไม่มีใครสงสัยว่า เราไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ เช่นเราต้องแต่งตัวดี ๆ ตลอด คนจะได้ชินกับการแต่งตัวดี แต่หารู้ไม่ เดี๊ยนมองหางานใหม่ เก็บสูท ห้อยไว้ในรถ บอกขอไป ทำธุระ แพลบ จัดไปคะ ♥♥.
ไม่ต้องรีบร้อนออกจากงาน ทำตัวให้เนียน ปกติทุกอย่าง จนกว่าเราจะได้เงินที่ดีกว่า.
เรียบเรียงโดย : แหวนเพ็ชร วังคีรี โรลล์ (ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต)
ที่มา : ประสบการณ์ตรงและการรับฟังอ่านแสวงหา
วันที่ : วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2560, Friday, August 4th 2017