งานที่ 2 & 3 ที่อเมริกา

หลังจากคลอดลูกคนแรก และออกจากทีทำงานครั้งแรก ก็พยายามหางาน ได้สัมภาษณ์งานที่ American Express & Intermountain Health Care, แต่ไม่ได้

ต้นปี 2010 จึงคุยกับสามีว่าจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย และอยากสอบเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาติ …

เศรฐกิจที่ยูทาร์แย่มาก unemployment was 7.6% การแข่งขันสูง เลยตัดสินใจเรียนดีกว่า เนื่องจาก เราอยู่อเมริกาแค่ 3 years จึงต้องสอบ TOEFL ถึงจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยได้

ตั้งใจจะเรียนแค่ ป.ตรีบัญชีอีกใบ แต่ทางมหาวิทยาลัย มีกฏว่า ถ้าคุณมีปริญญาตรีด้านบริหารจากที่ได ๆ ในโลก ห้ามเรียนอีกใบที่นี่ ทางเลือกเดียวคือ เรียนโท….

เรียนภาษาที่มหาวิทยาลัย ประมาณ 3 เดือน และ ลงเรียน ภาคฤดูร้อน และ ภาคเรียน สุดท้ายของปี เรียน วิชาบัญชี 7 & 1 Law เล่ม ของ ปริญญาตรี ปี 5 ของเด็ก ๆที่นี่ ….

ที่จริงเราไม่ต้องเรียนก็ได้สามารถใช้วิชาของเราจากเมืองไทย โอนมา แต่เนื่องจากกฏแต่กต่างกันมาก และภาษี ก็คนละเรื่องกันเลย …

ตัดสินใจถูกต้องที่เรียนวิขาของเด็กปีห้า

 

งาน ที่ 2 คือ Teaching Assistant & Research Assistant คือเป็ผู้ช่วยสอนวิชา บัญชีสากล International Financial Reporting Standard และทำวิจัย เริ่มต้นเมื่อ January 1 – December 2011.

ระหว่างเป็นนักศึกษาปริญญาโท ของที่นี่เต็มเวลา เป็นประสบการณ์ที่ดีอีกแบบ สำหรับการสอน และการเป็นผู้ประสานงานกับนักเรียนบัญชี…

ได้ งานเพราะตัวเอง ได้ทุนการศึกษา ซึ่ง บังคับให้เราได้งาน เป็นพนักงานของมหาวิทยาลัย รับเงินเดือน ซึ่ง ครึ่งหนึ่งของเงินเดือนที่ตนเองเคยได้รับ แต่มีความสุขและสบายใจกับการทำงานมาก…..

ทุนการศึกษาของคณะบริหาร ไม่เหมือนคณะอื่นๆ เพราะไม่ได้เรียนฟรี แถมต้องทำงานให้ด้วย แต่ถือว่าเป็นเกียรติ์ เพราะคนจะมองว่าเราเก่ง

ตัวเองไม่ได้เป็นเด็ก 4.00 ป.ตรีได้แค่ 3.5 แต่ได้ทุน เพราะ คณะบดี ดูจากประวัติการทำงาน และความมุมานะ ที่เราเรียน วิชาบัญชี ปีสุดท้าย 5 เล่ม ในหนึ่งเทอม และได้ B มาตัวเดียวนอกนั้น AAA-A, จึงได้รับอนุมัติ

 

งานที่ 3, Data Coordinator/Accountant, February 2012, to January 2014

หลัง จากเรียนจบ ปริญญาโท ด้านการบัญชีที่ University of Utah ก็ เริ่มสมัครงาน อยากทำงานสำนักงานบัญชีใหญ่ ๆ แต่ไม่ได้ เพราะตัวเองมีครอบครัว ไม่สามารถย้ายไปทำงานที่รัฐอื่นๆ ได้….

เพื่อน ๆ สนิท ต้องย้ายออกจากรัฐเพราะทำงานกับ Big 4 , EY, Deloitte, KPMG, Price Water House…

หางานตั้งแต่เดือนสุดท้ายก่อนจด ได้รับการสัมภาษณ์มากมายหลาย ๆๆ ที่ แต่ไม่ได้รับการจ้างแบบเป็นทางการจากที่ใด ๆ …

ขณะ เดียวกัน ก็ไปขอลงเรียน คอร์ส กับอาจารย์ที่ปรึกษา (ฟรี) เพราะสนิทกับอาจารย์สอน อันนี้แนะนำให้น้อง ๆ เพื่อน ๆ ที่อยากเรียนต่อ ให้เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ กับอาจารย์ …

ประมาณต้น เดือน กุมภาพันธ์ 2012 บริษัทที่เราสมัครงานไว้ Rio Tinto, ตำแหน่งบัญชี ยกเลิกตำแหน่งงานประจำ ..เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะ เขาไม่ได้เรียกเราสัมภาษณ์อยู่แล้ว

วันต่อมา ฝ่ายบุคคลโทรมาบอกว่า ตำแหน่งที่คุณสมัครไว้เป็นพนักงานถูกยกเลิก แต่คุณยังสนใจ ทำงานแบบสัญญาจ้างไหม หลังจากทำงานได้ สามเดือน คุณมีโอกาสได้รับการบรรจุ “”” เราก็บอกว่า โอเคเลย เพราะบริษัทใหญ่มาก ชั่วคราว ช่างมัน ดีกว่าไม่มีงานทำ…

ได้ทำงานกับกลุ่ม Real Estate, พร้อมกับเพื่อน ชาวรัสเซีย พร้อมกัน แต่เพื่อนออกไปก่อน ชีไม่ชอบบรรยากาศ เราก็อดทนเอา แต่ผ่านไป สามเดือน นอกจากไม่ได้รบบรรจุได้ บริษัท ถูกตัดงบ ให้คนออกอีก แต่เราได้ทำงานต่อ อีก ทำงานอยู่นั้นเกือบ เจ็ดเดือน และ นายจ้างก็มาบอกว่า เราไม่มีงบประมาณ และไม่สามารถจ้างคุณเป็นพนกงานประจำได้ ….

แต่เรารุ้ว่า เขาสามารถจ้าง เด็กฝึกงานที่พ่อ เป็น director อยู่เป็นพนักงานประจำได้ เด็กคนงั้น จบ แค่การเงิน อีกต่างหาก ….

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถึงแม้จะเป็นบริษัท fortune 100 แต่เส้นก็เยอะ และเส้นใหญ่ ๆๆๆ มาก ๆๆๆ….

เราก็เริ่มหางานใหม่ ก็ได้สัมภาษณ์ สองสามที่แต่ก็ไม่ได้งาน คุยกับสามี ไปเยีย่มครอบครัวที่เมืองไทย สักเดือน

ต้น เดือน กันยายน หลังจากว่างงานได้ เดือน กว่า ๆๆ ก็มี HR ติดต่อมาอีก ว่างานนี้ชัวคราวนะ ไม่ประจำ แต่อาจจะประจำได้ ในอนาคต เราก็มีประสบการณ์แล้วว่า อย่าไปยึดอะไรกับฝรั่ง ทำงาน คือ งาน ประจำ หรือชั่วคราวก็คืองาน คิดแค่นั้น เศรฐกิจยิ่งอย่ ๆ อยู่

เรา ก็ไปสัมภาษณ์งานกับ Rio Tinto อีกรอบ งานนี้เป็นคนละหน่วยงานเรียกว่า Project Development and Innovation คนที่สัมภาณ์เราเต็มโต๊ะ เหมือนยังกะจะจ้างเราเป็นพนักงานประจำ (แต่ไม่ใช่) แบบเป็นทางการมาก การสัมภาษณ์งานราบรื่นเรียบร้อย

ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ฝ่ายบุคคล โทรมาขอต่อ เงินเดือน เราก็ง่ายๆ เนาะ ไม่ต่อรองอะไร เพราะอยากทำงาน สรุป แล้วเรารู้ว่าได้งานใน วันต่อ มา รวม ๆ แล้วก็ตกงาน 2 เดือน (ตกงาน กลางเดือนสิงหา สัมภาษณ์งานใหม่ กลางเดือนกันยา ตรวจ ประวัติอีกเดือน)

การตรวจ background ย้อนไปถึง เมืองไทย 7 ปีที่ผ่านมา ใช้เวลาเกือบ 1 month ทั่วๆ ไป ถึงแม้เขาบอกว่าเราได้งาน ถ้าประวัติเราไม่ผ่าน เราก็ไม่ได้งาน เขาให้เริ่มงานได้ ต้นเดือน ตุลาคม แต่เราวางแผนจะกลับเมืองไทยอยู่แล้ว ก็เลยต่อรองขอเริ่มงานหลังกลับจากเมืองไทย ก็เริ่มทำงานจริง ๆ ปลายเดือตุลาคม “””

ทำงานได้ 6 เดือน ก็เริ่มตั้งท้องคนที่ สอง

รู้สึก ดีมากที่ทำงานกับหน่วยงานนี้ เป็นอะไรที่น่าสนใจ ไม่เกี่ยวกับบัญชีการเงินโดยตรง เราแค่ทำงานส่วนของ capital project การก่อสร้างสารธาณูประโภค ทำงานกับวิศวะ ที่อายุมากกว่า 50 ปี ส่วนใหญ่ ทำงานกับคนแก่ จะดีมาก ใจดี เจ้านายตัวเองก็เป็นวิศวะ รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย ยูท่าร์ น่ารักมาก ….

ได้ ประสบการณ์มากมาย …รุ้สึกว่าเนื่องจากเรามีพื้นฐานทางการบัญชีและการเงินที่แน่น เราสามารถ ประยุกต์ความรู้ของเราเข้าทำงานกับหน่วยงานไหนก็ได้ และเราเรียนรู้ได้รวดเร็ว…

ทำงานได้ปี กว่า ๆ เนื่องจากเป็นงาน แบบ สัญญาจ้าง (ชั่วคราว) งบประมาณหมด โปรเจคทีทำอยู่เสร็จสมบูรณ์ แต่เนื่องจากว่าเรารู้จักกับบุคคลมากกมาย ทั้งในเหมืองแร่ และฝ่ายการเงิน และบังเอิญได้ทำงานกับกลุ่มเดิม ที่เคยทำมาก่อน

ฝ่าย ผลิต ของเหมือง ต้องการให้เราช่วยต่อเกี่ยวกับการวางแผน และการประสานงานด้านโครงการต่างๆ ของเหมือง อันนี้ใช้ความรู้เกี่ยวกับบัญชีการเงินล้วน ๆ การส่งมอบงานที่สร้างเสร็จให้กับเหมืองแร่…

Rio Tinto เป็นบริษัทเกี่ยวกับเหมืองแร่ทั่วโลก ใหญ่มากๆๆๆๆ ให้คนออกทุกๆ สามเดือนหรือหกเดือน ทุกครั้งที่ผล ไตรมาส ออก พนักงานใหม่ๆ สยอง กันไปหมด กลุ่มที่ทำงานอยู่ ออกไปกว่าครึ่ง คนทีทำอยุ่ ไม่ใช่เด็ก เส้นใหญ่ ๆ ก็ทำงานมานาน มากกว่า 30 ปี

ถึงแม้จะทำงานแบบสัญญาจ้าง แต่ ก็มีสวัสดิการพร้อมทุกอย่าง ฟรี ประกันสุขภาพ รีไทม์เม้น พร้อมเหมือนกับพนักงาน แต่ไม่มีสวัสดิการเรือ่งการศึกษา

ช่วง เวลาที่ทำงานกับ Rio Tinto เกือบ สองปี ย้าย ทำงาน สามหน่วยงาน มีข้อดีคือ ไม่มีใครมาเกาะ แกะ เจ้านายเป็นวิศวะ ไว้ใจเรา เราก็ใช้เวลาว่าง ๆ อ่านหนังสือสอบผู้สอบไปด้วย แต่ไม่ได้ใช้เวลาการทำงานอ่าน ดาวน์โหลด ใส่มือถือ อีกอย่างงานไม่เครียด มาก ๆๆๆ สบายๆ ๆ จ่ายโอเค ไม่มากเท่ากับงานแรก แต่ก็ไม่น้อย ทุกครั้งที่ไปทำงาน มีความสุข และไม่เคยเครียด หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการ เมือง แบบซีเรียส….

ระหว่าง นี้ได้รับการติดต่อจาก Recruiters บริษัทใหญ่ๆ หลายบริษัทเกี่ยวกับตำแหนง แต่เนื่องจากว่า ท้องใหญ่มากๆๆๆ ใกล้คลอด ก็ต้องปฎิเสธไป …

อีกที่คือจะได้อยู่แล้ว แต่เขาไม่สามารถรอจนกระทั้งเราคลอดลูกได้ ก็ผ่านไป

ข้อดีของการทำงานแบบชั่วคราว กับบริษัทใหญ่ ๆ คือ ได้เรียน รู้ระบบงานขององค์กรใหญ่ ๆ ถึงแม้สวสดิการจะไม่เท่าเที่ยม

สิ่ง ที่ทุกคนควรรู้ คือ การทำงานที่อเมริกา เขาจะให้เราออกจากงานวันไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีสาเหตุ ไมจำเป็นว่าเรามีความสามารถมาก แค่ไหน…..ไม่มีอะไรแน่นอน…

อยากให้ประวัติดี เรซุเม่สวย อย่าเลือกงาน อย่าเลือกว่าจ่ายมากจ่ายน้อย ให้เลือกว่า งานนั้นเป็นบันใดไปสู่งานที่ดี และประสบการณ์ที่ดีต่อไป

ตอน ต่อไปจะเกียวกับงานที่ 4, Finance Generalist งานปัจจุบัน หลังคลอดลูกคนที่สอง และหลังจากสอบผ่านเป็นผู้สอบัญชีรับอนุญาติที่อเมริกา…