Cash transaction ว่าด้วยรายการเงินสด.

การรับเงินสดจากการทำงาน หรือการจ่ายค่าแรงเงินสดให้กับพนักงาน โดยที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรายงานข้อมูลไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น the IRS, State, City and etc., นั้น เป็นรายการที่เกือบทุกชาติ (ไม่ใช่เฉพาะคนไทย) ปฏิบัติกันมาแบบไม่รู้สึกอะไร และไม่ได้นึกถึง เหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น หรือผลทางกฏหมายใด ๆเลยคะ.

 

กลุ่มที่ตระหนักถึงการรับ – จ่ายเงินสด ที่รู้ว่าจะมีปัญหาคือ กลุ่มที่เคยถูกประเมินภาษี ค่าปรับ เงินเพิ่ม ถูกตรวจสอบ จากหน่วยงานราชการต่าง ๆ ทำให้มีภาระหนี้สินที่ต้องชำระ และไม่สามารถหลบหนีได้ เว้นแต่ม้วยมรณาจากโลกนี้ไป. บางกลุ่มหนีไปต่างประเทศ ไม่เคยเปิดบัญชีเงินฝากที่อเมริกาอีกเลย. บังเอิ๊นมีความจำเป็นต้องกลับอเมริกา งานเข้าเลยทีนี้ จบเห่ หนีไม่ได้ เปิญบัญชีมีเงินก็ถูกรัฐดึงออกไปหมด ทำไรไม่ได้ เพราะหนี้ค้างจากภาษีไม่สามารถหักกลับลบได้เลย แม้กระทั่งยื่นเป็นบุคคลล้มละลาย.

 

**Cash Receivers – ผู้รับเงินสด**

กรณีนี้คือ อาจจะรับเงินสดจากการทำงานรับจ้าง การทำงานให้คนอื่น การรับเงินสด จากการกู้ยืม. รายการทางเงินสด จะไม่มีหลักฐานประกอบใด ๆ . เนื่องจากไม่มีหลักฐานประกอบ ทางหน่วยงานราชการต่าง ๆ ก็ตรวจสอบไม่ได้.

**ผลที่ตามมาจากการรับเงินสดของผู้รับ**

1.) กลายเป็นคนไม่มีรายได้ ในทางภาษีอากร
2.) ไม่สามารถรับสิทธิผลประโยชน์หลังจากเกษียณ เช่นจากองทุนประกันสังคม social security benefit, medicare ประกันสุขภาพตอนแก่เฒ่า
3.) ขอรับเงินคนพิการ disability benefit จากกองทุน social security and State รัฐที่เราอยู่กรณีบาดเจ็บจากการทำงานก็ไม่ได้ เนื่องจากไม่เคยนำส่งค่าจ้าง.
4.) ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้ออะไรผ่อน ๆ หรือสด ก็ไม่ได้ เพราะ ไม่มีสลิบเงินเดือนไปเสนอ. ถ้าซื้อเงินสด มากกว่า $10,000 ต้องแสดงที่มาที่ไปของเงินอีก.
5.) ทำรายการเกี่ยวกับธนาคารไมได้ เพราะเอาเงินเข้าบ่อย ๆ ไม่ระบุว่าได้มายังไง ธนาคารก็ถามอีก ผลสุดท้ายก็ปิดบัญชีไปเลย (ธนาคารปิดให้แบบเต็มใจ ไม่มีค่าธรรมเนียม บางกรณีถูกคิดค่าธรรมเนียมอีก). แถม โอนเงินออกไม่ได้อีก ต้องชี้แจงกันไปแบบวุ่นวายมหาศาล.
6.) ไปค้ำประกันใครก็ไม่ได้ ไม่มีสลิปเงินเดือน ไม่มีรายได้แสดง โดยเฉพาะกลุ่มที่ เป็นซิติเซ่น จะแต่งงานกับคนไทย หรือใครไหน ๆ ก็สปอนเซ้อเขาไม่ได้ เพราะ ไม่มีมีรายได้ ตามกฏหมาย ภาษีอากร ต้องไปหาคนมาค้ำประกัน ซึ่งคงจะหาได้ง่ายซะที่ไหน.
7.) ทำธุรกิจ ซื้อธุรกิจไม่ได้ เพราะไม่มีเครดิต บัตรเครดิตก็ไม่มี เว้นแต่ คนที่มีสามีหรือภรรยาทำงานเสียภาษี แล้ว ใช้บัตรเสริม ทำให้มีเครดิต แต่ ทำไรไม่ได้อีก แค่เครดิตอย่างเดียวไม่พอ รายได้ต้องอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ถึงจะซื้อธุรกิจ. ปล. ถ้าอยากซื้อสด เงินก็ต้องระบุที่มาอีก อุ๊ย อะไรมันจะวุ่นวายขนาดนั้น อเมริกานะเนี่ย.
8.) เป็นกลุ่มที่มีรายได้ต่ำ รับสวัสดิการรัฐไปเรื่อย ๆ ทั้ง ค่าที่พัก อาหาร ยารักษาโรค

 

**Cash Payer – ผู้จ่ายเงินสด**

ผู้จ่ายเงินสด อาจจะเป็นใครก็ได้ที่จ้างใครทำงาน ประจำ งานเป็นชิ้น ๆ. ให้กู้แบบเงินสด (ไม่รวมถึงซื้อบ้านเงินสด ซึ่งทำไม่ได้ ถ้าไม่ได้ชี้แจงที่มาของเงิน). ส่วนใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากคือนายจ้าง อาจจะเป็น ร้าน อาหาร ร้านนวด ที่จ่ายเงินสดให้พนักงาน ที่ หลีกเลี่ยงภาษีส่วนของนายจ้าง employment taxes at 7.65% จากยอดที่จ่าย.  เหตุผลอีกเหตุผลหนึ่ง คือ การจ้างงานคนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานได้ตามกฏหมายของอเมริกา (คนโดดทุสถานะ ทั้งตั้งใจและมิได้มีเจตนา).

 

ผลที่อาจจะตามมาจากการจ่ายเงินสด

1.) นายจ้างที่จ่ายค่าจ้างเงินสด ไม่สามารถลงบันทึกเป็นค่าจ้างของกิจการได้ ตามกฏหมาย ทุกค่าย ไม่ใช่เฉพาะ IRS.
2.) กรณีถูกตรวจสอบ นายจ้างมีหน้าที่จ่ายชำระ ภาษีที่ค้าง ไปยัง IRS , State, City รวมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม. แถม เสียชื่อ มีประวัติ กลุ่มที่เคยถูกประเมิน หรือถูกตรวจจะถูกเพ่งเล็งมากในการทำธุรกิจ. แม้ว่าจะปิดกิจการไป ชื่อคนเดิมที่ก่อตั้ง ไปเปิดที่ใหม่ก็ยังจะถูกเพ่งเล็ง (ทราบแล้วเปลี่ยน).
3.) นายจ้าง มีภาระภาษีเพิ่มขึ้น เพราะ ค่าใช้จ่ายหักไม่ได้ ทำให้กำไรสูงเกินความเป็นจริง แล้วนายจ้างก็ต้องรับภาระภาษีเงินได้ไปโดยเฉพาะ LLC and S-Corp. Corp นั้นก็ทำให้เสียภาษีมากขึ้นในรูปของบริษัท แม้ว่าจะไม่ผ่านมายังเจ้าของ.
4.) สร้างความลำบากในให้กับผู้ทำบัญชีให้ (กรณีจ้าง และกรณีลงบัญชีถูกต้อง). ซึ่งเป็นผลให้ต้องหาคนทำบัญชีใหม่ หลาย ๆคนอาจจะไม่แคร์ แต่เปลี่ยนจากคนทำบัญชีที่มีความสามารถไปหามือปืนนั้น ถ้ามือปืน ถูกมองว่า ไม่มีคุณภาพในสายตา IRS ลูกค้าทุกรายในเครือของมือปืนจะถูกเรียกตรวจเอกสาร หรือประเมินด้วย. พึงระวังด้วยนะคะ (วงในบอกมาคนในวงการภาษีอากรจะทราบดีมากๆๆ).
5.) การให้ใครยืมเงินเป็นเงินสดนั้น ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ถ้าถูกเบี้ย เงินก็หายไปแบบเบี้ยว ๆๆ. จะไปฟ้อง small claim court ก็ไม่ได้ เว้นแต่ “ด่าผ่านเฟคบุค” ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน. อ้อ อย่าลืมนะคะ การระบุชื่อใครในเฟค ระวังถูกฟ้องอีก เพิ่มงาน นอกจากเสียเงิน แถมเสียเวลา อาจจะเสียเงินเพิ่มอีก.
6.) จ้างคนทำงานเงินสด พอมีปัญหา ก็เคลมค่าเสียหายไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานใด ๆ เช่นจ้างคนมา ซ่อมบ้าน บ้านพัง เราก็ยุ่ง ส่วนใหญ่พวกรับเงินสด ไม่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฏหมายอีก.

 

**Author’s comment ข้อคิดเล็ก ๆ น้อยๆๆ**

เนื่องจากพอทราบมาบ้างว่า คนที่ต้องการรับเงินสด หรือจ่ายเงินสดนั้น บางส่วน ไม่ต้องการจ่ายภาษีอากร. อาจจะเป็นเพราะความคุ้นเคย เคยชิน กับการไม่จ่ายภาษี หรือมีความจำเป็นที่ไม่ต้องการจ่ายภาษี หรือไม่รู้กฏหมายบทลงโทษกับการเลี่ยงภาษี หรือไม่รู้สิทธิประโยชน์ของการจ่ายภาษี เพราะไม่เคยคบค้าสมาคมกับกลุ่มที่มีความรู้ด้านภาษี และ หรือ ไม่เห็นประโยชน์ของการจ่ายภาษี. ไม่ว่าเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ให้นึกถึงผลดีและผลเสียของการเสียภาษี (บ้าง) ให้ถูกต้อง (บ้าง) ตามความนิยมส่วนบุคคล และสถานะทางสังคมและการเงิน.

 

1.) ในทางภาษีอากรไม่มีขาวซีด ดำสนิท เกือบทุกอย่างเป็นเทา  เพราะว่ากฏหมายต้องมีการตีความ และการตีความก็ขึ้นอยู่กับ ความเชื่อของบุคคล. ถ้าจะเลี่ยงไม่รับเงินในระบบค่าแรง ให้นึกถึงสิทธิประโยชน์ที่เราจะได้รับ เมื่อเราแก่เฒ่า ไม่สามารถทำงานได้ เพราะการเสียภาษีบ้างคือการสะสมผลประโยชน์.
2.) ให้ศึกษาข้อดีข้อเสีย โดยการดูจากสถานะทางการเงินของครอบครัว เช่น อายุเท่าไร สามีรายได้เท่าไร มีลูกกี่คน มีบ้านเป็นของตัวเองยัง มีรถไม๊ อยากมีกิจการเป็นของตัวเองไม๊ ถ้าไม่มีความอยากต่าง ๆ เหล่านี้ ก็ทำตามความชอบต่อไป.
3.) ถ้าเราเดือดร้อนมา จะมีใครช่วยไม๊ เช่นถูกประเมินภาษี ไม่มีเครดิตซื้อบ้าน ไม่มีเครดิตซื้อรถ ฝากเงินธนาคารไม่ได้ ซื้อทรัพย์สิน ในอเมริกาไม่ได้ เราจะทำยังไง หาทางหนีทีไล่ไว้นะคะ ท่าน ๆที่ชอบรับเงินสดทั้งหลาย.
4.) เนื่องจาก IRS มีบุคลากรไม่มาก ใช้ระบบในการตรวจสอบส่วนใหญ่ ถ้าตรวจเจอคนทำผิด จะให้บทลงโทษสูงสุด โดยเฉพาะ นายจ้างที่เลี่ยงภาษี (เพราะเงินเยอะกว่าลูกจ้างเลี่ยงภาษี) จะทำอย่างไรต่อไป ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้. คนที่ถูกตรวจจับประเมิน จะมีผลต่อธุรกรรมทุกอย่าง เช่น การทำธุรกิจใหม่ ๆ การสปอนเซ้อ คนทำงาน การสอบซิติเซ่น (กรณีมีกรีนการ์ด) การเป็นที่เพ่งเล็งของรัฐบาลท้องถิ่น. มีเงินพอและคุ้มกับการที่จะจ่ายค่าทนายเพื่อสู้กับ IRS ไม๊. อเมริกา ลงโทษผู้เสียภาษี และผู้ทีช่วยเลี่ยงภาษีรุนแรงมากนะคะ.
5.) ถ้ากิจการมีกำไร หรือเรามีรายได้จริงๆ ตามที่เราได้รับ ควรพึงลำลึกไว้ว่า การเสียภาษีคือหน้าที่ เสียมากน้อยก็ตามกำลังที่เรามี. ถ้าอยากประหยัดภาษีบ้าง ย้ายไปอยู่รัฐที่ไม่เสียภาษีของรัฐ เช่น ฟอริด้า เนวาด้า แนะนำนำสองรัฐนี้ เพราะวิเคราะห์ออกมาแล้ว แม้ว่าจะเสียภาษี อสังหาริมทรัพย์ก็ยังถูกกว่า รัฐใด ๆ .

 

♥การกระทำที่ไม่ มากเกินควร หรือ มีความพอดี จะทำให้ชีวิตราบเรียบและสงบสุข โดยเฉพาะด้านภาษีอากร♥

 

เรียบเรียบโดย           แหวนเพ็ชร วังคีรี โรลล์ (ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต)
ที่มาของข้อมูล Source: จากประสบการณ์ของคนไทยที่อเมริกาและความรู้ด้านภาษีอากร
วันพฤหัสบดีที่   1st  มิถุนายน 2560, Thursday, June 1st   2017